พระราชสุเมธาจารย์ (สุเมโธภิกขุ) หรือ พระอาจารย์สุเมโธ คือพระฝรั่งรูปแรกของวัดหนองป่าพงเป็นอดีต นายทหารหน่วยเสนารักษ์แห่งกองเรือสหรัฐอเมริกาในสงครามเกาหลี หลังจากที่นายทหารผู้นี้ได้ฟัง กิตติศัพท์เกี่ยวกับวัตรปฏิบัติอันเคร่งครัดของหลวงพ่อชาแล้วก็เกิดความเลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างมาก จึงเดินทางมาฝากตัวเป็นลูกศิษย์ ซึ่งหลวงพ่อก็เมตตารับไว้ โดยมีเงื่อนไขว่าจะไม่หาอะไรมาบำรุงท่าน ให้ได้ตามอยากและท่านจะต้องทำตามระเบียบข้อวัตรเหมือนที่พระเณรไทยเขาทำกันพระอาจารย์สุเมโธ
อุบายในการสอนและการทดสอบพระฝรั่งรูปนี้มีหลายประการ ท่านสุเมโธเล่าว่า…
“…บางครั้งหลวงพ่อก็เล่าให้โยมทั้งศาลาฟังถึงเรื่องที่ผมทำไม่สวยไม่งาม เช่น การฉันข้าวด้วยมือแต่เปิบ ไม่เป็น ขยุ้มอาหารขึ้นมาเต็มกำมือแล้วโปะใส่ปากใส่จมูกเลอะเทอะไปทั้งหน้าทั้งพระทั้งโยมหัวเราะกันลั่น ศาลา ผมนั้นทั้งโกรธทั้งอาย
“…ทุกเช้าเวลาหลวงพ่อกลับจากบิณฑบาตจะมีพระเณรหลายรูปไปรอที่หน้าศาลาเพื่อคอยล้างเท้าท่าน ระยะแรก ๆ ที่ผมไปอยู่ที่วัดหนองป่าพง ได้เห็นกิจวัตรนี้ทีไร ก็ได้แต่นึกค่อนขอดพระเณรเหล่านั้นอยู่ในใจ ล้างเท้าท่านแค่รูปเดียวสองรูปก็พอทำไมต้องไปมากมาย แต่พออยู่นานเข้า ผมก็ชักจะเป็นไปด้วยแล้ว เช้าวันหนึ่ง ก่อนที่จะรู้ตัวว่าอะไรเป็นอะไร ผมก็ปราดเข้าไปอยู่หน้าพระเณรรูปอื่น ๆ เสียแล้ว ขณะก้มลง ล้างเท้าถวายท่าน เราก็ได้ยินเสียงนุ่ม ๆ เย็น ๆ กลั้วเสียงหัวเราะของหลวงพ่อพูดอยู่บนหัวเราว่า ‘สุเมโธยอมแล้วบ่…’
“เมื่อพูดกับเรา ท่านใช้ภาษาที่ง่าย ๆ สั้น ๆ แต่ลึกซึ้งถึงหัวใจ เช่นวันหนึ่ง เรากำลังกวาดใบไม้ที่ลานวัด อารมณ์ไม่ดีรู้สึกหงุดหงิด ขัดเคือง นึกเพ่งโทษ อยู่ที่วัดหนองป่าพงเจอแต่ทุกข์ พอดีหลวงพ่อเดินมาที่เรา ท่านยิ้มแล้วพูดว่า วัดหนองป่าพงทุกข์มาก แล้วก็เดินกลับ กลับไปกุฏิพิจารณา ก็ได้สติว่าทุกข์ไม่ได้เกิด จากวัดหนองป่าพง แต่เกิดจากจิตใจของเราเองการตระหนักในเรื่องนี้ช่วยให้เราเลิกเพ่งโทษสิ่งแวดล้อม และคนอื่น”
อีกวิธีหนึ่งที่หลวงพ่อใช้ฝึกลูกศิษย์บ่อย ๆ ก็คือ การให้ขึ้นธรรมาสน์เทศน์โปรดญาติโยม “…วันหนึ่งที่วัด บึงเขาหลวงหลวงพ่อสั่งให้ผมเทศน์ 3 ชั่วโมง ห้ามลงก่อนหมดเวลา เลยต้องทำตามที่ท่านสั่ง พูดไปเรื่อย ๆ หยุดแล้วตั้งต้นใหม่หลายครั้ง จนไม่รู้จะเอาอะไรมาพูด ภาษาก็ไม่ค่อยคล่อง ผู้ฟังก็นั่งหลับเป็นส่วนใหญ่ อันนี้ถือเป็นความเมตตาของหลวงพ่อเพราะการทำอย่างนั้นช่วยแก้กิเลสได้ดีเทียว เนื่องจากขัดกับนิสัย ของชาวอเมริกันเรา ซึ่งมีอัตตาสูง ความเชื่อมั่นในตัวเองมีมาก เวลาขึ้นธรรมาสน์ก็อยากจะเทศน์ให้น่าฟัง อยากให้ทุกคนฟังด้วยความตั้งใจ แต่ถ้าใครง่วงนอนหรือไม่ตั้งใจฟัง ก็อยากจะหยุดพูดทันที เป็นเพราะ จิตใจเรายังมีความหวั่นไหวกับโลกธรรมอยู่”