หลวงพ่อชา สุภัทโท 2
ปุจฉา: เราจะเอาชนะกามราคะได้อย่างไร บางครั้งในระหว่างปฏิบัติผมรู้สึกเป็นทาสของความต้องการทางเพศ
วิสัชนา: กามราคะจะบรรเทาลงได้ด้วยการพิจารณาไตร่ตรองถึงความ น่าเกลียด โสโครก
การหลงติดอยู่ในรูปกายเป็นสุดโต่งข้างหนึ่ง ซี่งเราต้องมองให้เห็นสิ่งตรงข้าม จงพิจารณาร่างกาย
เหมือนทรากศพและเห็นการเปลี่ยนแปลงเน่าเปื่อย หรือพิจารณาอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายเช่นปอด
ม้ามไขมัน อุจจาระและอื่น ๆ พิจารณาให้เห็นจริงถึงความน่าเกลียดโสโครกของร่างกายเมื่อมีกามราคะเกิดขึ้น
ก็จะช่วยให้ท่านเอาชนะกามราคะได้
ปุจฉา: เมื่อผมโกรธ ผมควรจะทำอย่างไรดีครับ
วิสัชนา: ท่านต้องแผ่เมตตา ถ้าท่านมีโทสะในขณะภาวนาให้แก้ด้วยเมตตาจิต ถ้ามีใครทำไม่ดีหรือโกรธ
อย่าโกรธตอบ ถ้าท่านโกรธตอบ ท่านจะโง่ยิ่งกว่าเขา จงเป็นคนฉลาด สงสารเห็นใจเขา
เพราะว่าเขากำลังได้ทุกข์ จงมีเมตตาเต็มเปี่ยมเหมือนหนึ่งว่าเขาเป็นน้องชายที่รักยิ่งของท่าน
เพ่งอารมณ์เมตตาเป็นอารมณ์ภาวนาแผ่เมตตาไปยังสรรพสัตว์ทั้งหลายในโลก เมตตาเท่านั้นที่จะเอาชนะโทสะได้
บางครั้งท่านอาจเห็นพระภิกษุอื่นปฏิบัติไม่สมควร ท่านอาจรำคาญใจทำให้ท่านเป็นทุกข์โดยใช่เหตุ
นี่ไม่ใช่ธรรมะของเรา ท่านอาจจะคิดอย่างนี้ว่า เขาไม่เคร่งเท่าฉัน เขาไม่ใช่พระกรรมฐานที่เอาจริงเอาจัง
เช่นฉันเขาไม่ใช่พระที่ดี นี่เป็นกิเลสเครื่องเศร้าหมองอย่างยิ่งของตัวท่านเองอย่าเปรียบเทียบ
อย่าแบ่งเขาแบ่งเราจงละทิฐิของท่านเสีย และเฝ้าดูตัวท่านเอง นี่แหละคือธรรมะของเราท่านไม่สามารถ
บังคับทุกคนให้ประพฤติปฏิบัติตามต้องการ ของท่าน หรือเป็นเช่นท่านได้ ความต้องการเช่นนี้
มีแต่จะทำให้ท่านเป็นทุกข์ ผู้ปฏิบัติภาวนามักจะพากันหลงผิดในข้อนี้ การจับตาดูผู้อื่นไม่ทำให้เกิดปัญญาได้
เพียงแต่พิจารณาตนเองและความรู้สึกของตนแล้วท่านก็จะเข้าใจได้
ปุจฉา: ผมง่วงเหงาหาวนอนอยู่มากครับ ทำให้ภาวนาลำบาก
วิสัชนา: มีวิธีเอาชนะความง่วงได้หลายวิธี ถ้าท่านนั่งอยู่ในที่มืดให้ย้ายไปที่สว่าง ลืมตาขึ้น ลุกไปล้างหน้า
ตบหน้าตนเอง หรือไปอาบน้ำ ถ้ายังง่วงอยู่อีกให้เปลี่ยนอิริยาบถ เดินให้มากหรือเดินถอยหลัง
ความกลัวว่าจะไปชนอะไรทำให้หายง่วงได้
ถ้ายังง่วงอยู่อีกก็จงยืนนิ่ง ๆ ทำใจให้สดชื่น และสมมติว่าขณะนั้นเป็นเวลากลางวันหรือนั่งริมหน้าผาสูง
หรือบ่อลึกท่านจะไม่กล้าหลับ ถ้าทำอย่างไรแล้วยังไม่หายง่วงก็จงนอนเสีย เอนกายลงอย่างสำรวมระวัง
และรู้ตัวอยู่จนกระทั่งหลับไป เมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นจงลุกทันที อย่ามองดูนาฬิกาแล้วพลิกไปพลิกมา
เริ่มมีสติระลึกรู้ทันทีที่ตื่น
ถ้าหากง่วงอยู่ทั้งวัน ลองฉันอาหารน้อยลง สำรวจตัวเอง ถ้าหากอีกห้าคำอิ่มจงหยุดแล้วดื่มน้ำเสีย
ความหิวความง่วงที่เกิดขึ้นจงเฝ้า ดู ท่านต้องฉันอาหารให้พอดี เมื่อฝึกปฏิบัติต่อไปอีก
ท่านจะรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นและฉันน้อยลง ต้องปรับตัวเอง
ถาม: ทำไมเราต้องกราบกันบ่อย ๆ
ตอบ: การกราบเป็นสิ่งสำคัญมากเป็นอิริยาบถภายนอกซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติ
การกราบต้องทำให้ถูกต้อง ก้มลงจนหน้าผากจรดพื้นวางศอกห่างจากเข่าประมาณสามนิ้ว กราบลงช้าๆ
มีสติรู้อาการของกาย การกราบช่วยแก้ความถือตัวของเราลงได้เป็นอย่างดี เราควรกราบบ่อยๆ
เมื่อกราบให้ตั้งจิตระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ นั่นคือคุณลักษณะแห่งจิตอันบริสุทธิ์
ดังนั้นเราจึงอาศัยอิริยาบถภายนอกนี้ ฝึกตน กายและจิตจะประสานกลมกลืนกัน กราบบ่อย ๆ
ขจัดความหยิ่งทะนงตนออกไป, ผู้เข้าถึงธรรมแล้วท่านจะอยู่เหนืออิริยาบถภายนอกทุกๆอย่าง
ที่ท่านทำก็มีแต่การอ่อนน้อมถ่อมตน เดินถ่อม ฉันถ่อม ถ่ายก็ถ่อมทั้งนี้เพราะพ้นจาการเห็นแก่ตัวแล้ว
ถาม: อุปสรรคใหญ่ของลูกศิษย์ใหม่ของท่านอาจารย์คืออะไร
ตอบ: ทิฐิ, หลายๆท่านที่มาที่นี่มีตำแหน่งการงานสูงในสังคม บางคนเป็นพ่อค้ามั่งคั่ง
หรือได้ปริญญาต่างๆ มาเป็นครูและข้าราชการ สมองของพวกเขาเต็มไปด้วยความคิดเห็นต่อสิ่งต่างๆ
เขาฉลาดเกินกว่าจะฟังผู้อื่น เปรียบเหมือนน้ำในถ้วย ถ้าถ้วยมีน้ำสกปรกอยู่เต็ม ถ้วยนั้นก็ใช้ประโยชน์ไม่ได้
เมื่อเทน้ำเก่าทิ้งแล้วเท่านั้นก็จะใช้ประโยชน์ได้ ท่านต้องทำจิตให้ว่างจากทิฐิ แล้วท่านจะได้เรียนรู้
การปฏิบัติก้าวเลยความฉลาด ความโง่ ถ้าท่านคิดว่า ฉันเก่ง ฉันรวย ฉันเป็นคนใหญ่โต
ฉันเข้าใจพุทธศาสนาแจ่มแจ้งหมดแล้ว ท่านจะไม่เห็นความจริงในเรื่องของอนัตตา
ท่านจะมีแต่อัตตา ตัวตน ตัวฉัน ของฉัน แต่พระพุทธศาสนาคือการละตัวตน เป็นความว่าง เป็นความไม่มีทุกข์
เป็นความดับสนิท
ถาม: ผมเจริญสมาธิภาวนาจนจิตสงบลึก ผมควรจะทำอย่างไรต่อไปครับ
ตอบ: นี่ก็ดีแล้ว ทำจิตสงบและเป็นสมาธิและใช้สมาธินี้พิจารณากาย ถ้าจิตเกิดไม่สงบก็จงเฝ้าดูด้วย
แล้วท่านจะรู้ถึงความสงบที่แท้จริง เพราะอะไร เพราะท่านจะได้เห็นความไม่เที่ยงแม้ความสงบเอง
ก็ดูให้เห็นว่าเป็นของไม่ เที่ยง ถ้าท่านติดอยู่ในความสงบแล้วท่านจะทุกข์เมื่อจิตไม่สงบ
ฉะนั้น จงปล่อยวางหมดทุกสิ่ง แม้แต่ความสงบ
ถาม: ผมได้ยินท่านอาจารย์พูดว่าท่านเป็นห่วงลูกศิษย์ที่พากเพียรมากใช่ไหมครับ
ตอบ : ถูกแล้ว ผมเป็นห่วงว่าเขาเอาจริงเอาจังเกินไป เขาพยายามมากเกินไป แต่ขาดปัญญา
เขาเคี่ยวเข็ญตนเองไปสู่ความทุกข์ยากโดยไม่จำเป็นบางคนมุ่งมั่นที่จะรู้แจ้ง เขากัดฟันแน่น
และใจดิ้นรนตลอดเวลา อย่างนี้เป็นความพยายามมากเกินไป คนทั่วไปเป็นเช่นเดียวกัน
เขาไม่รู้ถึงสภาพเป็นจริงของสิ่งทั้งปวง สังขารรูปทั้งปวง จิต และร่างกายล้วนเป็นของไม่เที่ยงจงเฝ้าดู
และอย่ายึดมั่นถือมั่น บางคนคิดว่าเขารู้ เขาวิพากษ์วิจารณ์ จับตามองและลงความเห็นเอาเอง
อย่างนี้ก็ตามใจเขา ทิฐิของใครก็ปล่อยให้เป็นของคนนั้น การแบ่งเขาแบ่งเราเป็นอันตราย
แบ่งเขาแบ่งเราเป็นทุกข์
ถาม: ผมเจริญภาวนาและสมาธิมาแล้วหลายปี ใจผมเปิดกว้างและสงบระงับเกือบจะในทุกสภาพการณ์
เวลานี้ผมอยากจะย้อนหลังและฝึกทำสมาธิชั้นสูงหรือฝึกญาณดีครับ
ตอบ: จะทำอย่างนั้นก็ได้ เป็นการฝึกจิตที่มีประโยชน์ ถ้าท่านมีปัญญาท่านจะไม่ชะงักติดอยู่ในสมาธิจิต
แต่จริง ๆ แล้วการฝึกนี้แยกออกจากอิริยาบถต่าง ๆ เป็นการมองตรงเข้าไปในจิตนี่คือปัญญา
เมื่อท่านพิจารณาและเข้าใจชัดในจิตแล้ว ท่านจะเกิดปัญญารู้ถึงขอบเขตสมาธิหรือขอบเขตของตำรับ
ตำราก็ได้ เปรียบเหมือนได้ขนมหวานจะช่วยท่านในการสอนผู้อื่นหรือท่านอยากจะหวนกลับไป
ฝึกญาณก็ได้ ถ้าท่านมีปัญญารู้แล้วที่จะไม่ยึดในสิ่งใด
ถาม: ขอความกรุณาท่านอาจารย์ทบทวนใจความของการสนทนานี้ด้วยครับ
ตอบ: ต้องสำรวจตัวเอง, รู้ว่าท่านเป็นใคร, รู้ทันกายและจิตของท่านโดยการเฝ้าดู ในขณะนั่งภาวนา,
หลับนอน, ขบฉัน, จงรู้ความพอดีพอเหมาะสำหรับตัวท่าน ในการปฏิบัติต้องละความอยากที่จะบรรลุผลใด ๆ
จงมีสติรู้ว่าเป็นอะไรอยู่ การเจริญภาวนาคือการมองตรงเข้าไปในจิต ท่านจะมองเห็นทุกข์
เหตุแห่งทุกข์และความดับไปแห่งทุกข์ แต่ท่านต้องมีความอดทน, อดทนอย่างยิ่งและทนได้
ท่านจะค่อย ๆ ได้เรียนรู้ พระพุทธเจ้าสอนให้สาวกอยู่กับอาจารย์อย่างน้อยห้าปี ท่านจะต้องเห็นคุณค่าของการให้ทาน
ของความอดทน ของการเสียสละ
อย่าปฏิบัติเคร่งครัดเกินไป
อย่ายึดติดอยู่กับรูปแบบภายนอก
การจับตาดูผู้อื่นเป็นการปฏิบัติไม่ถูกต้อง จงเป็นปกติตามธรรมชาติและเฝ้าดูสิ่งนี้อยู่
พระวินัยของพระสงฆ์และกฎระเบียบของวัดสำคัญมาก ทำให้เกิดบรรยากาศที่เรียบง่ายและประสานกลมกลืน
จงใช้ให้เป็น แต่จำไว้ว่า ความสำคัญของพระวินัยของพระสงฆ์คือการตั้งใจเฝ้าดูและสำรวมจิต
ท่านต้องใช้ปัญญา อย่าแบ่งเขาแบ่งเรา ถ้าจะขัดเคืองใจหรือไม่ ถ้าหากเห็นว่าต้นไม้เล็ก ๆ ในป่าไม้สูงใหญ่
และตรงอย่างต้นอื่น ๆ นี่เป็นเรื่องโง่เขลา อย่าไปตัดสินคนอื่น คนเรามีหลายแบบต่าง ๆ กัน
อย่าคอยแต่หมายมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงใคร ๆ ไปหมดทุกคน
ดังนั้นจงอดทนและฝึกปฏิบัติให้มีคุณธรรมประจำจิตมีความเป็นอยู่อย่างง่าย ๆ เป็นปกติตามธรรมชาติ
และเฝ้าดูจิต นี่แหละคือการปฏิบัติของเรา ซึ่งจะนำไปสู่ความไม่เห็นแก่ตัว และความสันติสุข